สวดมนต์ทำวัตรเช้า เย็น
การสวดมนต์ ทำใจจิตใจให้สงบ
เมื่อจิตใจสงบแล้ว จึงได้ชื่อว่า " จิตเป็นสมาธิ "
อานิสงส์ ที่ได้
๑. ย่อมได้สมบัติของจักรพรรดิแก่ผู้ที่ได้สาธยายก็ดีได้ฟังสาธยายก็ดีในชาติปัจจุบัน
๒. ย่อมได้รับความเอาอกเอาใจ คุ้มครอง ปกป้องรักษาจากเทวดา สมยุคสมสมัย
๓. ย่อมได้พลังจิตที่เกิดด้วยอำนาจสมาธิ และเทวฤทธิ์ที่สถิตรักษาทั่วฟ้าจักรวาล
๔. ย่อมได้รับการสรรเสริญ ยศศักดิ์ ลาภสักการะ จากทวยเทพผู้เป็นใหญ่
สวดมนต์ เจริญ จิตใจก็คิดแต่สิ่งดีๆ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
คำแปล
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง (ว่า ๓ จบ)
ความเป็นมา
นะโม บทนี้เป็นปฐมพจน์ของการสวดมนต์เรียกว่าเป็นคำแรกที่เราจะกล่าวถึงพระพุทธเจ้าก่อนคำใดๆ
ในความสำคัญของ นะโม ที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้านั้น เสียงเปล่งออกมาจากความรู้ตื่น เบิกบานใจ จากความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธองค์ เช่น ท้าวสักกเทวราช
พร้อมด้วยเทพบริวารเข้าเฝ้าพระพระพุทธเจ้า ทูลถามปัญหา พระพุทธองค์ก็วิสัชชนาให้สิ้นสงสัยท้าวสักกเทวราชโสมนัสยินดี เปล่งอุทานว่า นะโม ตัสสะ เป็นต้น
พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กล่าวธรรมเจติยปริยาย แสดงความ เลื่อมใส แล้ว เปล่งอุทานว่า
นะโม พรหมายุพราหมณ์อยู่ ณ เมืองตักศิลา ฟังคำสรรเสริญพระพุทธคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ส่งอุตตรมาณพศิษย์ผู้ใหญ
่ให้ไปสืบดูให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงคุณธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ดังคำร่ำลือหรือไม่ เมื่ออุตตรมาณพสืบได้ความจริงแล้ว กลับมาเล่าให้ฟัง พรหมายุพราหมณ์ก็เกิดความเลื่อมใสทันใดนั้นลุกจากอาสนะทำผ้าห่มเฉวียงบ่าประนมมือหันไปสู่ทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่เปล่งวาจาว่า นะโม |